Shabu de-bear

รีวิวนี้ขอรวบรวมจากช่วงต้นปีก่อนจะเกิดโควิด กับตอนหลังโควิดแล้วร้านเปิดใหม่ ๆ นะครับ เนื่องจากตอนก่อนที่จะเกิดโควิดผมได้ไปลองทานแล้วมันอร่อย และติดใจจริง ๆ เลยต้องไปซ้ำอีกด้วยความที่ร้านอาหารโดนปิดหลายที่พึ่งจะเปิดใหม่เลยต้องไปทานให้ได้ ครั้งแรกกับครั้งที่ 2 มันอาจจะแตกต่างกันยังไง เรามาดูกันครับ

ผมขอเริ่มที่รีวิวก่อนโควิดกันเลยครับ เป็นการมาทานชาบูเนื้อวากิวช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมานี่เองครับ

ร้านนี้เป็นร้านบุฟเฟต์ 2 เรทราคานะครับ มี 399 กับ 599

แต่ละเมนูมีอะไรบ้างเรามาดูกันครับ

เรท 399 จะไม่ได้เนื้อวากิวนะครับ ดูตามรูปนี้ได้เลยครับ

ส่วนที่ผมมาทานก็จะเป็น 599 ครับ ดูตามรูปนี้เลย

หม้อน้ำซุปจะแบ่งเป็น 2 ช่องนะครับ

อาหารเรียกน้ำย่อยที่มาเสิร์ฟก่อนก็จะเป็นยำปลาแซลมอนครับ

รสชาติเข้มข้นใช้ได้ครับ

แล้วก็ยำปูอัดครับ

ถัดมาก็จะเริ่มเป็นของสด นั่นคือกุ้งขาวครับ

แล้วก็พวกผักมีหอมญี่ปุ่นด้วยนะครับ

ต่อมาก็จะเป็น Signature ของร้าน

นั่นคือ เนื้อวากิว บาง ๆ มัน ๆ นุ่ม ๆ

ซูมให้ดูชัด ๆ อีกทีครับ

หม้อเริ่มร้อนแล้วก็จัดการนำทุกอย่างลงหม้อ พร้อมกับเตรียมลวกเนื้อวากิว

สำหรับเนื้อวากิวไม่ต้องลวกนานนะครับ เอาซัก 20-30 วินาทีก็พอ สุกเกินมันจะไม่อร่อยนะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้รสชาติแท้ ๆ ของเนื้อ จิ้มกับน้ำจิ้มของทางร้านรสชาติก็โอเคครับ ถือว่าอร่อยนะครับ

ถัดมาที่ผมขอแนะนำนอกจาก Signature ของร้านแล้วก็มีเนื้อ US นี่ล่ะครับที่อร่อยไม่แพ้วากิวกันเลย

เป็นเนื้อติดมัน หลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ผมชอบอะไรที่มันมัน ๆ เพราะความมันของเนื้อมันกินได้ครับ ไม่เหมือนกับมันหมู

ลวกเนื้อ US แค่ไม่กี่วินาทีก็พอครับ หรือจะต้มนาน ๆ ก็อร่อยเหมือนกันครับ เพราะมันยังคงความนุ่มไว้อยู่

ให้ดูภาพรวม ๆ อีกซักภาพครับ

ส่วนนี้ก็จะเป็นเนื้อลายสไลด์แบบบาง ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่ายขึ้น

ส่วนใครที่ไม่ชอบทานเนื้อก็ให้ทานหมูก็แล้วกันครับ

ให้ดูเนื้อวากิวอีกซักรูปครับ ก่อนที่เราจะไปกินอาหารญี่ปุ่นกันต่อ

ซูชิทำสด ๆ ใหม่ ๆ กับข้าวซูชินุ่ม ๆ ครับ

ซูชิที่ทำออกมาถือว่ารสชาติที่ได้ กับรสสัมผัสที่รับรสเข้ามาแล้วรู้ได้เลยว่าทำเสร็จใหม่ ๆ คือข้าวมันไม่แห้ง ไม่แข็งกระด้างเหมือนบางที่ที่เคยไปทานมาครับ

แนะนำเลยครับ สำหรับใครที่ชอบทานซูชิจะพลาดเมนูพวกนี้ไม่ได้เลย

มีซูชิกุ้งแม่น้ำด้วยนะครับ

ส่วนถัดมาจะเป็นซูชิเนื้อครับ

แต่เนื้อส่วนที่ไม่ใช่เนื้อ US ผมว่ารสชาติธรรมดา กินแล้วมันทำให้แน่นท้องเร็วเกินไป ผมขอแนะนำให้สั่งเป็น ซูชิเนื้อ US จะดีกว่าครับ อันนี้อร่อยและน้ำจิ้มมันเข้าเนื้อได้ดีจริง ๆ ครับ

ซูชิเนื้อ US อันนี้มีโรยไข่กุ้งเข้ามาด้วยนะครับ กินไปพร้อมกับเนื้อ US นุ่ม ๆ พร้อมกับไข่กุ้งแตกในปากนี่มันชั่งฟินยิ่งนัก

ให้ดูบุฟเฟต์ซูชิครับ 555 ร้านชาบูวากิว แต่ความอร่อยอาจจะอยู่ที่ซูชิก็เป็นได้นะครับ ซึ่งมันก็แล้วแต่คนชอบจริง ๆ

ให้ดูไข่กุ้งที่โรยบนเนื้อ (อย่าลืมนะครับ ข้างล่างนั้นมันคือข้าวซูชินะครับ ตัวทำให้อิ่มเร็วดี ๆ นี่เอง)

ส่วนซูชิกุ้งแม่น้ำก็อร่อยไปอีกแบบครับ ถ้าจะให้ดีน่าจะเอาหัว หรือเอาเปลือกส่วนหัวกุ้งออกให้ซักหน่อยก็จะดีครับ

ซูชิปลาที่เบิร์นด้วยไฟมาแล้วส่วนนี้ก็อร่อยเหมือนกันครับ

ดูเอาแล้วกันครับ เนื้อปลาเน้น ๆ

ส่วนซูชิที่เป็นปลาดิบก็อร่อยไม่แพ้กันครับ แต่จงระวังไว้นะครับ มันมีข้าวซูชิอยู่เยอะพอสมควร ใครที่กระเพาะเล็ก ๆ ไม่ควรสั่งมาเยอะนะครับ ha...

ให้ดูเครื่องเคียงอื่น ๆ อีกครับ พวกยำสาหร่าย ยำแซลมอน

ร่ายมาซะยาวลืมให้ดูน้ำจิ้มชาบูของทางร้านครับ

ส่วนถัดมาเห็นมีคนสั่งกันทุกโต๊ะเลยครับ มองไปทางไหนก็เจอแต่สีม่วง

มันคือกุ้งเทมปุระมันม่วงนั่นเอง

สั่งมาเพื่อเอามาถ่ายรูปลงเฟสเฉย ๆ ครับ เอ้ย ! ไม่ใช่ ก็สั่งมาทานนั่นแหล่ะครับ แหม่....

เอ้า ให้ดูหลาย ๆ รูปก็แล้วกันครับ กับกุ้งเทมปุระมันม่วง

ให้ดูเนื้อวากิวชัด ๆ กันอีกซักรูปครับ

ลืมแจ้งครับว่าเป็นบุฟเฟต์ที่กำจัดเอ้ย! จำกัดเวลาที่ 90 นาทีนะครับ ตามรูปนี้เลย

ให้ดูบรรยากาศภายในร้านครับ นั่ง ๆ ไปบางทีก็ร้อนอยู่นะครับ

ออกมาด้านนอกพื้นที่จอดรถเยอะพอสมควรครับ

ที่จอดรถเป็นพื้นที่โล่ง

สรุปแล้วสำหรับร้านชาบูเดอแบร์ ความอร่อยถือว่าอร่อยเกือบ ๆ ทุกอย่างครับ ส่วนการบริการค่อนข้างช้านิดหน่อย แล้วก็ภายในร้านค่อนข้างแคบไปนิดครับ โต๊ะอาหารค่อนข้างใกล้กับโต๊ะข้าง ๆ ยังไงก็จะต้องกลับมาทานอีกแน่นอนครับ

ถัดมาขอเป็นรีวิวชาบูเดอแบร์ ยุคหลังโควิดใหม่ ๆ ครับ เป็นช่วงที่นักเรียนยังไม่เปิดเทอมนะครับ แต่รัฐบาลสั่งให้สามารถเปิดร้านอาหารได้ เลยต้องขอมาลองกินที่ร้านชาบูเดอแบร์อีกซักครั้งครับ เพราะคนมันหิวจริง ๆ ครับ

ส่วนเรทราคาก็ไม่ต่างจากเดิมครับ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ว่าแล้วเรามาดูเนื้อวากิวกันต่อเลยครับ ว่ามันแตกต่างจากเดิมไหม

ก็ไม่ต่างครับ

แต่ติดตรงที่เริ่มแรกผมสั่งเนื้ออย่างอื่น ๆ อย่างละ 2 พนักงานดันเอาเนื้อแบบเดียวกันมาให้ตั้ง 6 ถาด ส่วนเนื้อ US ที่สั่งไปกลับไม่ได้ เท่าที่ดูพนักงานน่าจะเป็นนักศึกษาพูดก็เบา ๆ ไม่ค่อยได้ยิน กว่านางจะเปลี่ยนให้ก็นานอยู่ครับ

ส่วนต่อไปนี้ก็จะเป็นพวกซูชิครับ

ให้ดูภาพรวมอีกครับ

พวกซูชิรสชาติก็ยังคงความอร่อยอยู่ครับ

ส่วนยำแซลม่อนก็อร่อยไม่แพ้กัน

ส่วนนี้ก็เป็นเนื้อที่พลาดไม่ได้ที่จะต้องสั่งครับ

เนื้อ US ครับ

และเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่สั่งมาลองครับ

ส่วนนี้จะเป็นซูชิเนื้อ ไม่แน่ใจว่าเนื้ออะไร แต่มันค่อนข้างเหนียวสู้ฟันไปหน่อยครับ

ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นซูชิเนื้อวากิวครับ

สู้ไอ้เจ้าซูชิเนื้อ US นี้ไม่ได้เลยครับ

ความอร่อยวันนี้ก็ยังคงรสชาติและความนุ่มของเนื้อเอาไว้ได้เหมือนเดิมครับ

ซูชิกุ้งแม่น้ำก็ยังอร่อยเหมือนเดิม

ยำสาหร่ายก็ยิ่งอร่อย

ส่วนยำแซลม่อนรสชาติก็ยังคงความแซ่บเอาไว้ได้ดี

ส่วนนี้ก็จะเป็นพวกเห็ดกับผักครับ

ถัดมาครับ ไฮไลท์ของทางร้าน กว่าจะได้มันมา คนที่มาด้วยเริ่มโมโห เนื่องจากสั่ง 3 รอบแล้วก็ไม่ได้ซักที ของหมดหรือว่ายังไงก็ไม่ยอมบอก ต้องตามแล้วตามอีก จนจะหมดเวลาแล้วครับ ลองตามอีกซักรอบ ถึงได้ แต่สิ่งที่ได้มาดูตามรูปเลยครับ กุ้งเทมปุระมันม่วง ดูว่ามัน มันม่วง ไหม

สิ่งที่คิดคือ ครั้งที่แล้วลองเลื่อนกลับขึ้นไปดูรูปเอาครับ ว่าสีของมันจะเป็นแบบไหน

ส่วนสิ่งที่ได้ นี่มันทอดอะไรน้อ อดโพสลงเฟสเลย

เสียดายจริง ๆ ครับกับกุ้งเทมปุระมันม่วง กว่าจะได้มันมาก็ยากอยู่แล้วนึกว่าพนักงานกำลังไปปลูกมัน แต่พอเราได้มันมาเหมือนประชดกันเห็น ๆ ครับ คนที่มาด้วยบอกผมว่าถ้ามากินอาหารแล้วเสียอารมณ์แบบนี้ ร้านนี้คงมาครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ

สรุปแล้วสำหรับร้านชาบูเดอแบร์ในยุค New Normal รอบนี้ทำให้เสียความรู้สึกจริง ๆ ครับ นึกว่าเราจะได้เป็นขาประจำกัน แต่ก็ไม่เป็นไรครับ หวังว่าทางร้านจะได้แวะเข้ามาอ่านรีวิวนี้แล้วนำไปปรับปรุงเรื่องการบริการของพนักงานด้วยนะครับ ที่ทำงานช้ามาก ๆ สั่งอะไรแต่ละอย่างกว่าจะได้ ทั้ง ๆ ที่ร้านก็พึ่งจะเปิด คนก็ไม่เยอะ แต่พนักงานนี่สิ ยืนเกาะกลุ่มคุยกันเฉย เอาเป็นว่าถ้าร้านปรับปรุ่งในเรื่องของการบริการให้ดีขึ้นผมจะกลับมาทานอีกแน่นอนครับ

จบแล้วครับสำหรับร้านนี้ชำระค่าเสียหายกันไปตามรูปด้านล่างนี้